วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

มติ ครม. 25 ธันวาคม 2555 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

 มติ ครม. 25 ธันวาคม 2555 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ   โพสต์เมื่อวันที่ : 25 ธ.ค. 2555



  นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ ๒ เรื่อง คือ เห็นชอบในหลักการดำเนินโครงการทุนศึกษาด้านการสอนภาษาต่างประเทศที่สองเพื่อ ผลิตครูในสาขาวิชาที่ขาดแคลน และอนุมัติปรับเปลี่ยนโครงการคูปองสร้างเสริมอัจฉริยะ เป็นโครงการบ้านหนังสืออัจฉริยะ

►โครงการทุนการศึกษาด้านการสอนภาษาต่างประเทศที่สอง เพื่อผลิตครูในสาขาวิชาที่ขาดแคลน

ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการดำเนินโครงการทุนศึกษาด้านการสอนภาษาต่าง ประเทศที่สองเพื่อผลิตครูในสาขาวิชาที่ขาดแคลน พร้อมทั้งอนุมัติอัตราข้าราชการครูเพื่อบรรจุผู้รับทุนจำนวน ๖๐๐ อัตรา ในช่วงปี ๒๕๕๖-๒๕๖๑ โดยเฉลี่ย ๑๕๐ ทุนต่อปี ทั้งนี้จำนวนทุนต่อปีอาจปรับเพิ่ม-ลดไม่เกินร้อยละ ๕ ตามสถานการณ์ที่จำเป็น โดยใช้งบประมาณดำเนินการตามโครงการรวมทั้งสิ้น ๗๘ ล้านบาท

สาระสำคัญของโครงการ เพื่อผลิตครูสอนภาษาต่างประเทศให้แก่โรงเรียนในสังกัด สพฐ. จำนวน ๖๐๐ คน ในช่วงเวลา ๖ ปี ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕-๒๕๖๑ ประกอบด้วย

- ภาษาญี่ปุ่น ๒๐๐ คน
- ภาษาเกาหลี ๑๔๐ คน
- ภาษาเยอรมัน ๔๐ คน
- ภาษาฝรั่งเศส ๖๐ คน
- ภาษาสเปน ๔๐ คน
- ภาษารัสเซีย ๒๐ คน
- ภาษาเวียดนาม ๒๕ คน
- ภาษาพม่า ๒๕ คน
- ภาษาเขมร ๒๕ คน
- ภาษาบาฮามาเลย์/อินโดนีเซีย ๒๕ คน

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนครูสอนภาษาต่างประเทศ ซึ่งเป็นภาษาที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลกและเป็นประเทศคู่ค้าของไทย รวมทั้งประเทศในอาเซียน เพื่อเตรียมนักเรียนของไทยให้พร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และได้เปรียบในเชิงภาษา โดยเป็นการให้ทุนแก่นักศึกษาชั้นปีที่ ๕ หรือบัณฑิตวิชาเอกภาษาที่ขาดแคลน เข้ารับการอบรมทักษะภาษาและการสอนที่จัดโดยองค์กรประเทศเจ้าของภาษา พร้อมทั้งไปเข้ารับการอบรมในประเทศนั้นๆ ด้วย และเมื่อสำเร็จการศึกษาพร้อมทั้งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูจากคุรุสภา ซึ่งจะพิจารณาให้เป็นกรณีพิเศษแล้ว ก็จะได้รับการบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นครูสอนภาษาต่างประเทศที่สองใน โรงเรียน สพฐ.ต่อไป

เหตุผลที่ต้องเสนอเรื่องนี้เข้าคณะรัฐมนตรี คือ คปร.ได้กำหนดมาตรการตรึงกรอบอัตรากำลังข้าราชการในภาพรวม ทำให้การจัดสรรอัตราข้าราชการครูเพื่อรองรับการบรรจุผู้รับทุนเหล่านี้ จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาจาก ครม.ก่อน รวมทั้งเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของ ก.ค.ศ.เรื่องการรับนักศึกษาทุนรัฐบาลเข้าบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการครู ต้องผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ด้วย


►อนุมัติปรับเปลี่ยนโครงการคูปองสร้างเสริมอัจฉริยะ เป็นโครงการบ้านหนังสืออัจฉริยะ

ครม.มีมติอนุมัติปรับเปลี่ยนโครงการคูปองสร้างเสริมอัจฉริยะ ตามที่บรรจุไว้ใน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๖ เป็นโครงการบ้านหนังสืออัจฉริยะ โดยใช้ระยะเวลาและงบประมาณการดำเนินโครงการคงเดิม

สาระสำคัญของโครงการ จากการที่ ครม.ได้เห็นชอบให้ดำเนินการโครงการคูปองสร้างเสริมอัจฉริยะ เพื่อจัดสรรคูปองให้กับเด็กและเยาวชนที่เรียนดี มีความประพฤติดี นำไปแลกหนังสือจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยใช้งบประมาณ ๔๕๐ ล้านบาท นั้น ต่อมา ศธ.ได้ขอให้นำความกราบบังคมทูลสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขอพระราชทานพระราชานุญาตดำเนินโครงการดังกล่าว ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ ๕ รอบในปี ๒๕๕๘ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชกระแสขอเปลี่ยนจากการจัดโครงการดังกล่าว เป็นการจัดซื้อหนังสือให้ห้องสมุดต่างๆ

ดังนั้น สำนักงาน กศน. จึงได้จัดทำโครงการบ้านหนังสืออัจฉริยะ โดยจะดำเนินการจัดหาหนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสารรายสัปดาห์ รายปักษ์ หนังสือสำหรับห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติในโอกาสดังกล่าว รวมทั้งเพื่อกระตุ้นและเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านให้กับประชาชน ตลอดจนเพื่อสร้างโอกาสให้กับประชาชนได้เข้าถึงแหล่งเรียนรู้ในรูปแบบบ้าน หนังสืออัจฉริยะ หรือห้องสมุดประชาชนหมู่บ้าน/ชุมชน/ห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี จำนวน ๔๐,๐๐๐ แห่ง และในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๑,๘๐๐ แห่ง รวมทั้งห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี จำนวน ๘๗ แห่ง ได้อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ระยะเวลาและงบประมาณดำเนินการโครงการคงเดิม

http://www.moe.go.th/websm/2012/dec/346.html 

ดูดวงปี 2556 หมอลักษณ์ฟันธง

http://www.rakjung.com/horoscopes-no181.html

ส.ค.ส.พระราชทาน ปี 2556 ในหลวงทรงชี้เมตตา-นำสุข

http://www.kanchanapisek.or.th/speeches/2012/1231.th.html

เด็กไทยติด “สมาร์ทโฟน” กับดักเทคโนโลยีบนความอยาก

 เด็กไทยติด “สมาร์ทโฟน” กับดักเทคโนโลยีบนความอยาก

« เมื่อ: มกราคม 02, 2013, 08:32:15 PM »
โดย...สานนท์ เจริญพันธุ์
       
      เทคโนโลยีเพื่อการติดต่อสื่อสารที่รุดหน้าไปอย่างก้าวกระโดด ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย

ให้แก่ผู้ใช้งาน แม้เดินทางไปที่ใดไม่มีโน๊ตบุคส์ติดมือ เพียงแค่มีสมารท์โฟน หรือแท็บเล็ตสักเครื่อง
ก็ช่วยให้ชีวิตการทำงาน การสื่อสารระหว่างกันง่ายขึ้นผ่านใช้งานด้วยวิธีการ “แชท” ผ่านแอปพลิเคชัน
 อาทิ ไลน์ วอทซ์แอป หรือบีบี เท่านี้ก็รู้เรื่องโดยไม่ต้องยกหูส่งเสียงเช่นที่ผ่านมา
       
       ที่สำคัญปฏิเสธไม่ได้ว่าความก้าวหน้าเหล่านี้ยังส่งผลต่อกลุ่มวัยรุ่นยุค ศตวรรษที่ 21 ที่เกิดมาในยุค

ของความรุ่งเรืองของเทคโนโลยีต่างไปจากยุคก่อนๆ ที่สิ่งเหล่านี้เข้ามาอยู่ในวิถีชีวิตแบบก้ำกึ่ง ดังนั้น 
ทุกวันนี้หันไปทางใดก็จะเห็นว่ากลุ่มวัยรุ่นทุกคนล้วนมีสมาร์ทโฟนคู่ใจราคา สูงลิ่วที่บรรดาพ่อแม่ยอม
ควักเงินซื้อให้ถือติดมือทั้งนั้น บางรายมีถึง 2 เครื่องแม้จะคนละยี่ห้อก็ตาม และด้วยคุณสมบัติชั้นเลิศ
ตามที่กล่าวมาข้างต้นส่งผลให้เด็กวัยรุ่นพกพาไปทุก ที่ แชททุกเวลาไม่เว้นแม้แต่ในห้องเรียน
       
      “นั่งหลังห้อง แอบเล่นใต้โต๊ะ บ้างก็แชทคุยกับแฟน ร้ายไปกว่านั้นก็จะขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำบ้าง 

แกล้งป่วยบ้าง แล้วไปนั่งเล่น เปิดเครื่องแชทกันทั้งวัน” คำบอกเล่าบางส่วนจากนายอนุสรณ์ กะดามัน
 ครูผู้สอนภาษาไทย โรงเรียนวัดบวรนิเวศ
       
       ครูอนุสรณ์ บอก ด้วยว่า เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มีในปัจจุบันเอื้อประโยชน์ต่อการให้เด็กนำไปใช้เพื่อ

การค้นคว้าหาความรู้ ได้ง่ายขึ้น แต่ปรากฎว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะใช้ประโยชน์ในสิ่งนี้ ส่วนมาก
เด็กนำมาใช้เพื่อเล่นเกมฟังเพลงในชั้นเรียน ซึ่งประสบการณ์ตรงในฐานะครูผู้สอนนั้น ตนเห็นได้ชัดว่า
นักเรียนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่ตั้งใจเรียน บางรายติดแชทตลอดเวลาที่เรียน ไม่สนใจในการเรียนขา
สมาธิ พอสอบถามเรื่องที่เรียนก็ตอบไม่ได้ เพราะเอาสมาธิที่มีไปสนใจกับการแชท พอถึงเวลาสอบก็
ทำไม่ได้ก็ปรากฎว่าการเรียนตกไปกว่าที่เคย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นผู้ปกครองไม่เข้าใจว่าเหตุใดผลการเรียน
ลูกตกก็ไม่ได้คิด ว่าเพราะลูกไม่ตั้งใจ แต่เชื่อที่ลูกบอกว่าที่ผลการเรียนตกลงต้นเหตุเพราะครูสอนไม่เข้า
ใจ
       
      สิ่งที่ตนเป็นห่วงที่สุด คือ การที่ผู้ปกครองซื้อสมาร์ทโฟนราคาสูงให้เด็กใช้เป็นการสร้างค่านิยมผิ
ด 

 สร้างความฟุ้งเฟ้อใช้ของเกินตัวซึ่งยังไม่เหมาะสมกับวัย แล้วเมื่อมีของก็นำมาอวดกันในหมู่เพื่อน
       
       ในมุมกลับกัน ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชาจิตวิทยา

 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ มุมมองเพิ่มเติมว่า ตอนนี้เลยเวลาที่จะมาตั้งคำถามแล้วว่าเด็กควร
ใช้หรือไม่ใช้สมาร์ทโฟน เพราะยุคนี้เป็นยุคของเทคโนโลยี อีกทั้งเวลานี้ประเทศไทยได้สนับสนุนและ
กระตุ้นให้เด็กใช้เทคโนโลยี เช่น เด็กประถมศึกษาปีที่ 1 ก็ใช้แท็บเล็ตในการเรียนแล้ว เพราะฉะนั้น 
 เทคโนโลยีจึงมีความจำเป็นสำหรับเด็กทุกวัย
       
      “แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นต้องมีแน่นอน คือเราพัฒนาให้เด็กไทยรู้จักเทคโนโลยี เข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่าย 

หมายถึงหาซื้อได้ง่ายและกลายเป็นกระแสแห่งความถูกต้องชอบธรรมที่เด็กจะใช้ เทคโนโลยี แต่ข้อเสีย
ก็คือเราไม่ได้พัฒนามิติของวุฒิภาวะของเด็กเลย เรื่องของสำนึกความรับผิดชอบ เด็กไทยยังต่ำมากแล้ว
ก็ถูกละเลยจากครอบครัว จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นโรงเรียน หรือหน่วยงานที่พัฒนาเยาวชน 
ไม่มีรูปธรรมที่ชัดเจนหรือแผนการที่ชัดเจน ในยุทธศาสตร์ของการพัฒนาวุฒิภาวะ ความรับผิดชอบ
ในตนเอง การยับยั้งชั่งใจ การใช้สติพิจารณาตนเอง เด็กไทยถือว่าต่ำมาก เพราะฉะนั้นพอเราไปกระตุ้น
การใช้เทคโนโลยี สร้างความชอบธรรม แต่ในขณะที่วุฒิภาวะของเด็กน้อย ผลเสียมันก็จะตามมาคือเด็ก
จะใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การแชท เล่นเกม ในห้องเรียน”
       
       อ.ปนัดดา บอก ด้วยว่า กรณีที่เด็กเล่นโทรศัพท์หรือติดเทคโนโลยีจนขาดสมาธิและความตั้งใจ

ในการเรียน นั้นเพราะเด็กเหล่านี้ขาดวุฒิภาวะ แต่คนที่จะใช้เทคโนโลยีได้ต้องมีวุฒิภาวะ เช่นคุณจะอ่าน
หนังสือคุณต้องปิดโทรศัพท์ แต่เด็กเหล่านี้ไม่ได้ถูกสอนเรื่องวุฒิภาวะมา คุณต้องมีความรับผิดชอบ 
 มีวินัยต่อตนเอง เด็กไทยไม่ได้ถูกฝึกในส่วนนี้ พ่อแม่ โรงเรียน หรือทักษะทางสังคมไม่ได้ช่วยสร้างปัจจัย
ในการฝึกฝนให้เด็กรู้จักแยกแยะ แบ่งเวลาที่เหมาะสม ทำให้เวลาเรียนแทนจะสนใจตั้งใจเรียน 
 ก็อาจจะเบนความสนใจไปที่การแชทพูดคุยกับเพื่อนมากกว่า
       
      “ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องโทรศัพท์อย่างเดียว แต่สังคมไทยในยุคนี้เป็นยุคของทุนนิยม รวมถึงการถูก

กระตุ้นจากระบบทางการตลาด ซึ่งในบางประเด็นรัฐก็เป็นผู้ส่งเสริมทำให้ความต้องการในเรื่องของ
เทคโนโลยี มีมากขึ้น สำหรับคนที่ไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอ ขาดความห้ามใจก็อาจจะตกเป็นเหยื่อของ
การตลาดได้ง่าย และการที่รัฐไปมุ่งเน้นไปในเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไป ก็อาจทำให้หลงลืมบท
บาทในการพัฒนาสังคมและเยาวชน”อ.ปนัดดา กล่าวทิ้งท้าย


ขอขอบคุณข่าวสาร/ข้อมูลดีๆ จากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ



อาหารช่วยสร้างคอลลาเจน


อาหารเพิ่มคอลลาเจน ผิวสวย เต่งตึง แบบธรรมชาติ

เกร็ดเรื่องน่ารู้ที่เราได้นำมาแนะนำกับอาหารเพิ่มคอลลาเจน ซึ่งจะช่วยให้คุณผู้หญิงทั้งหลายมีผิวพรรณที่สวยและเต่งตึงขึ้นแบบธรรมชาติ อีกด้วยค่ะ ถึงเวลาแล้วนะค่ะที่สาวๆ ทั้งหลายจะต้องรู้และเข้าใจความรู้เรื่อง อาหารเพิ่มคอลลาเจน ซึ่งนอกจากจะมาจากธรรมชาติให้คุณผู้หญิงได้สวยเต่งตึงจากภายในแล้ว อาหารเพิ่มคอลลาเจน ยังจะช่วยให้คุณมีผิวพรรณที่ดีและไม่เป็นอันตรายอย่างแท้จริงค่ะ ที่สำคัญไปยิ่งกว่าคือ คุณจะประหยัดตังค์ในกระเป๋าได้อีกเยอะเลยเพราะไม่ต้องซื้อครีมราคาแพงที่ผสม คอลลาเจนแต่ไม่สามารถใช้ได้ผลจริงจริงไหมค่ะ ฉะนั้นแล้วจะมีอะไรดีไปกว่าการสวยจากภายในจริงไหมค่ะ ฉะนั้นแล้ว อาหารเพิ่มคอลลาเจน ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ถือได้ว่าเป็นความรู้ชั้นดีตัวจริงเรื่องผิวเต่ง ตึงและสวยตามธรรมชาติ ว่าแล้วอย่ามัวรอช้าหากอยากมีผิวเต่งตึงแบบธรรมชาติก็มาทำความรู้จักกับ อาหารเพิ่มคอลลาเจนเพื่อผิวสวย เต่งตึง กันได้เลยจ้า
อาหารเพิ่มคอลลาเจน ผิวสวย เต่งตึง แบบธรรมชาติ


5 อาหารเพิ่มคอลลาเจน


1. ถั่วเหลือง มีสารกลุ่มไอโซฟลาโวนที่มีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมฮอร์โมนเพศหญิงทานแล้วผิวจึงสดใส เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล

2. ผักใบเขียวเข้ม นอกจากจะมีวิตามินซีสูงมากๆ ก็ยังช่วยส่งเสริมการนำโปรตีนมาบำรุงร่างกายและเสริมสร้างเซลล์ผิวให้แข็ง แรง พบมากในผักโขม คะน้า หน่อไม้ฝรั่ง ผักกาดหอม เป็นต้น

3. ผลไม้สีแดง แหล่งคอลลาเจนชั้นดีและมีสารไลโคปีนที่เด่นในเรื่องแอนติออกซิแดนท์ที่ เกี่ยวข้องกับการสร้างคอลลาเจน ลองทานพริกไทยแดง หัวบีท มะเขือเทศ หรือลูกเบอรี่สายพันธุ์ต่างๆ ที่ดีทั้งนั้นต่อผิวสวยๆ

4. กรดโอเมก้า เป็นอาหารที่ดีกับผิวจริงๆ เพราะผิวประกอบด้วยโปรตีนเฉกเช่นเดียวกับสารอาหารชนิดนี้ที่เป็นแหล่งโปรตีน เข้มข้น หาทานได้จากปลาแซลมอน ปลาทูน่า ถั่วอัลมอนด์ และอะโวคาโด เป็นต้น

5. สารซัลเฟอร์ เป็นสารอาหารที่สำคัญมากต่อการเสริมสร้างคอลลาเจนพบในแครอตดิบ แคนตาลูปสด และผักขึ้นฉ่ายสด แตงกวาสด ที่มากด้วยวิตามินเอ ทำหน้าที่ในการรักษาพยุงระดับคอลลาเจนให้สูง เมื่อได้ดูแลส่วนอื่นๆ ประกอบกัน
http://www.n3k.in.th/%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%99